ต้องทำใจหรือไม่...โรคภูมิแพ้แล้วต้องแพ้ตลอดไปจริงหรือ
ถ้าครั้งหนึ่งเรากลายเป็นคนขี้แพ้ขึ้นมา ไม่ว่าจะไอ ผื่นคัน ตาแดง น้ำมูกไหล หรือสารพัดอาการบ่งชี้ซึ่งมาพร้อมโรคภูมิแพ้แล้วล่ะก็ หลายคนก็คงเริ่มหดหู่ใจกับการต้องดูแลรักษาตัวเองไม่จบสิ้น ดังนั้นกำลังใจ และความเข้าใจของคนในครอบครัว รวมถึงคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราใส่ใจ เข้าใจ และดูแลกัน...วันหนึ่งที่เราจะชนะบ้างก็ต้องมาถึงแน่นอน
ทำไมถึงเป็นภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้นั้นอาจเกิดได้จากทั้งกรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อเรามองในจุดนี้ว่า ตั้งแต่อากาศ อาหาร เครื่องใช้ สารเคมี มลภาวะต่าง ๆ รอบตัว สามารถก่อให้เกิดโรคนี้ได้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาจนหายขาด ในเมื่อมีปัจจัยพร้อมกระตุ้นโรคอยู่ทุกวัน สำหรับประเทศไทย มีการสำรวจพบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากไรฝุ่น ฝุ่นบ้าน เป็นอันดับแรก รองลงมาก็มีสาเหตุมาจากแมลงสาบ ละอองเกสรพืช และขนสัตว์ เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าแพ้อะไรกันแน่ก็ควรมีการทดสอบกับผิวหนังในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เพื่อจะได้รู้และหลีกเลี่ยง เพราะเมื่อใดที่ร่างกายของคนเราได้รับสารภูมิแพ้ ก็จะเกิดการกระตุ้นทำให้ร่างกายสร้างภูมิชนิด IgE ซึ่งภูมินี้จะเข้าไปกระตุ้น Mast cell ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมี หลากชนิดออกมา ไม่ว่าจะเป็น Histamine หรือ Prostaglandin ซึ่งสารเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลนั่นเอง นอกจากนั้นอาจจะพบโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ขึ้น เช่น โรคไซนัสอักเสบ โรคหอบหืด โรคหูชั้นกลางอักเสบ และโรคผิวหนังอักเสบ ในส่วนของการมีโรคแทรกซ้อนอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนักมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการคัดจมูกเรื้อรังก็ควรระวังเรื่องโรคแทรกซ้อนเป็นอย่างมาก เพราะอาจมีผลกระทบต่อการเรียนหรือการทำงานในที่สุด
โรคภูมิแพ้หลีกเลี่ยงอย่างไร • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ รวมทั้งผักและผลไม้ รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่เสมอ หากพบว่ามีสาเหตุจากอาหารควรหยุดรับประทานอาหารนั้น ๆ • กำจัดสิ่งที่เป็นพิษภายในบ้าน หมั่นทำความสะอาด และเปลี่ยนเครื่องนอนทุกสัปดาห์ ถ้าจำเป็นต้องทำความสะอาดเอง ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกหรือสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นขณะทำความสะอาดด้วย นอกจากนั้นควรล้างแผ่นกรองฝุ่นของเครื่องปรับอากาศทุก 2 สัปดาห์ • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้สดชื่น ไม่เครียด หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงสถานที่ที่แออัด • งดเลี้ยงสัตว์ที่มีขนทุกชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งก่อภูมิแพ้ และอาจจะต้องงดการนำดอกไม้เข้าบ้าน เพราะละอองเกสรดอกไม้เป็นสิ่งก่อภูมิแพ้ชั้นดี สัตว์ที่ผู้เป็นโรคนี้สามารถเลี้ยงได้อย่างปลอดภัยคือปลา • ดื่มน้ำให้มาก น้ำสามารถละลายเสมหะได้ มีส่วนช่วยในการขับของเหลวออกจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่า 8 แก้วต่อวัน • นอนหลับให้เพียงพอและใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ ไม่ทำงานหักโหมจนเกินไป สภาพร่างกายที่สมบูรณ์และการพักผ่อนที่เพียงพอมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดี ป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ • ปกป้องดวงตา ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเยื่อบุนัยน์ตาอักเสบจากภูมิแพ้ ควรสวมแว่นตาเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันเกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองไม่ ให้เข้าตา จะทำให้อาการกำเริบ • รักษาสภาพจิตใจให้ปกติ ลดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย เพราะความเครียดและสุขภาพจิตใจที่ไม่ปกติจะส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้ได้
โรคภูมิแพ้รักษาหายขาดได้หรือไม่ สำหรับโรคภูมิแพ้นั้น เป็นโรคที่ต้องประคองอาการ และปรับวิถีชีวิตตามที่แนะนำข้างต้น เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงความเป็นปกติมากที่สุด ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงต้องหมั่นดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อรู้สาเหตุว่าสิ่งใดที่แพ้แน่นอน ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะเมื่อเราพาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงอีก ก็มีโอกาสกลับมาเป็นโรคนี้อีกครั้งได้
เมื่อเรารู้จักการดูแลทั้งตัวเองและคนใกล้ชิดอย่างเหมาะสม แน่นอนว่าย่อมอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติค่ะ สำหรับโรคภูมิแพ้นั้น แม้จะไม่สามารถรักษาอาการให้หายขาดได้โดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ยากเกินแน่นอนหากเราใส่ใจดูแลกันและกัน
มา “สุขใจเพราะเราเลือกดูแลกัน” ด้วยการทำความเข้าใจโรคภูมิแพ้กับบทความ “ต้องทำใจหรือไม่...โรคภูมิแพ้แล้วต้องแพ้ตลอดไปจริงหรือ” กันนะคะ
ข้อมูลจาก Honestdocs
|