ลูกไอมาก ทำไงดี? สำหรับคุณแม่ส่วนใหญ่ อาการไอ ไม่ว่าจะไอแบบมีเสมหะหรือไม่มีเสมหะ ถือเป็นอาการที่รักษายากที่สุดเมื่อลูกน้อยเป็นหวัด เพราะบ่อยครั้งที่อาการป่วยอื่น ๆ เช่น ไข้ น้ำมูกไหล หรือจามจะหายแล้ว แต่ลูกน้อยก็ยังคงไอเรื้อรังต่อเนื่อง การไอแบบแห้ง หรือไอไม่มีเสมหะมักเป็นหนัก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และอาจทำให้ทั้งคุณและลูกต้องหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน อาการไอเปียก หรือไอแบบมีเสมหะก็เลวร้ายไม่ต่างกัน หรืออาจจะแย่กว่า เพราะถ้าหากไม่ขับเสมหะออก อาการดังกล่าวก็อาจพัฒนากลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบได้ ข้อแนะนำ: ถ้าลูกมีอาการไอ คุณควรป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายโดยการให้ลูกล้างมือด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ บ่อย ๆ ปิดปากเวลาไอ และใส่ผ้าปิดปาก ตามร้านขายยาทั่วไปมียาแก้ไอหลายขนานสำหรับเด็ก แต่ส่วนใหญ่มักมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก ทำไมคุณจึงควรหลีกเลี่ยงยาแก้ไอ ? ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าจริง ๆ แล้วยาแก้ไอและยาแก้หวัดไม่ค่อยช่วยอะไรนัก และยังอาจมีผลข้างเคียงอีกด้วย โดยเฉพาะต่อเด็กเล็ก แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาแก้ไอที่มีส่วนประกอบของเดกซ์โตรเมทอร์แฟน (DM) และยาแก้ไอขับเสมหะที่มีส่วนประกอบของไกวเฟเนซิน คุณควรเช็คฉลากยาเพื่อดูส่วนประกอบสำคัญก่อนเลือกซื้อ ผู้ผลิตมักศึกษาฤทธิ์และผลข้างเคียงของตัวยาเหล่านี้ในผู้ใหญ่ แต่นำไปใช้ในตัวยาสำหรับเด็ก ในความเป็นจริงแม้จะเป็นตัวยาตัวเดียวกัน แต่อาจส่งผลต่อเด็กและผู้ใหญ่ต่างกัน อันตรายจากการใช้ยาแก้ไอในเด็ก
แพทย์แนะนำให้ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ไอจากร้านขายยากับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการไอแล้ว ยังมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ต่อเด็ก นอกจากนี้ยาแก้ไอยังทำให้เด็กไม่สามารถขับเสมหะ ซึ่งอาจสะสมในคอจนทำให้เป็นหลอดลมอักเสบหรือปอดบวมได้อีกด้วย ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก https://th.theasianparent.com/ |
Home >> |
ลูกไอมาก ทำไงดี ? |
|
|